วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

เล่าเรื่อง "เกลือ" ผ่านประวัติศาสตร์โลก โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช

ภาพการแล่และทำเค็มปลาในภาพฝาผนังของอียิปต์ในสุสานของ Puy-em-re รองสังฆราชแห่งอามุนราว 1,450 ปีก่อนคริสตกาล
อาหารจะมีรสชาติอร่อย ว่ากันว่าต้องเหยาะเกลือลงไปสักนิด
นั่นเป็นเคล็ด (ไม่) ลับของบรรดาคุณแม่บ้านใช้เสริมเสน่ห์ปลายจวัก
ทว่า...เกลือไม่ได้มี ประโยชน์เพียงแค่นั้น ถ้ามองลึกเข้าไปในประวัติศาสตร์โลก เกลือเป็นสิ่งมีค่ามากมายมหาศาล

ในบางยุคสมัย เกลือมีค่าเทียบเท่าเงินตรา ทำให้เกิดเส้นทางการค้าโลก และเป็นชนวนสงครามในยุคล่าอาณานิคม ฯลฯ

สำนักพิมพ์มติชน ซึ่งมีหนังสือดีๆ มาให้เลือกสรรด้วยราคาเป็นกันเอง แน่นอนว่ารวมทั้งหนังสือซิงๆ ที่เพิ่งออกจากแท่นพิมพ์มาให้ทันซื้อหากันในงานนี้โดยเฉพาะ ที่มติชน โซนพลาซ่า

ใครที่มาขนไปแล้ว 2 คันรถ (เข็น) จะมาขนอีกสักหนึ่งคันรถ (เข็น) งานนี้ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมตรวจสอบหนังสือที่ขนกันไปว่าซื้อไปครบถ้วนหรือยัง อย่างเล่มนี้ "ประวัติศาสตร์โลกผ่านเกลือ" หนังสือดีอีกเล่ม ที่อยากจะแนะนำว่าไม่ควรพลาด

" ประวัติศาสตร์โลกผ่านเกลือ" เป็นหนังสือแปล ผลงานการเขียนของ มาร์ก เคอร์ลันสกี นักเขียนผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถหยิบหัวข้อธรรมดาที่คนทั่วไปมองข้าม มาเป็นประเด็นที่สื่อถึงประวัติศาสตร์และสังคมศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังมีสำนวนที่อ่านสนุกและชวนติดตาม

เรืองชัย รักศรีอักษร ผู้แปล บอกเล่าถึงความประทับใจที่ได้จากการแปลหนังสือเล่มนี้ว่า คือความอัจฉริยะของเคอร์ลันสกี ที่สามารถเขียนประวัติศาสตร์ให้เป็นเหมือนนิยายที่อ่านสนุก เพลิดเพลิน ให้ความรู้และแง่มุมต่างๆ ทั้งทางประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเมือง ศาสนา และขนบประเพณีของชาติต่างๆ ในอดีตได้อย่างน่าสนใจโดยผ่านเกลือ

" เคอร์ลันสกีนำเสนออดีตและปัจจุบันของการผลิตและการค้าเกลือ ทำให้เราได้รู้ว่าเบื้องหลังของประวัติศาสตร์โลกล้วนเกี่ยวข้องกับเกลือ อย่างเช่นกำแพงเมืองจีนสร้างจากภาษีเกลือ กองทัพโรมันที่เกรียงไกรก็สร้างขึ้นจากภาษีเกลือ อาณาจักรมายามีรากฐานจากการผลิตและค้าเกลือ

การค้าระหว่างประเทศในยุคกลางมีเกลือและผลิตภัณฑ์จากเกลือ อย่างปลาเค็มและเนื้อเค็มเป็นสินค้าหลัก

เกลือเป็นสินค้าสำคัญของจักรวรรดิอังกฤษที่แผ่อิทธิพลไปทั่วโลก 

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายใต้พ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองของสหรัฐมาจากการขาด แคลนเกลือ การเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของอินเดียจากอังกฤษเริ่มจากการคัดค้านการผูกขาด เกลือของจักรวรรดิอังกฤษ
การขนส่งเกลือด้วยเกวียนเทียมอูฐไปยังทางรถไฟที่ทะเลสาบบาสคุนต์ชัก ทางตอนใต้ของอุราล ในรัสเซีย ราว ค.ศ.1929 (ขวาบน) ภาพพิมพ์งานไม้ของอังกฤษในศตวรรษที่สิบแปด แสดงถึงการหมักและตากแห้งปลาคอด ในนิวฟาวนด์แลนด์ (ซ้ายล่าง) ภาพจำลองภายในสุสานตุตันคาเมน
วิชาเคมี โบราณคดี และธรณีวิทยา เกิดขึ้นจากการค้นคว้าเรื่องเกลือ ฯลฯ
ลองเปิดเข้าไปอ่านเรื่องราวอันน่าทึ่งของ "เกลือ" ใน "ประวัติศาสตร์โลกผ่านเกลือ"

... เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่เกลือเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง พ่อค้าเกลือในแคริบเบียนจะเก็บเกลือไว้ในห้องใต้ดิน ชาวจีน ชาวโรมัน ชาวฝรั่งเศส ชาวเวนิชตระกูลอัพเบิร์ก และรัฐบาลอื่นๆ อีกมากมายได้เก็บภาษีเกลือเพื่อหาเงินในการทำสงคราม มีการจ่ายเกลือเป็นค่าจ้างให้แก่ทหาร และบางครั้งก็ให้แก่คนงานด้วย เกลือมีค่าเสมือนเงินตราตลอดมา

หลายศตวรรษมาแล้วที่ราชสำนักจีนถือ ว่าเกลือเป็นที่มาของรายได้ของรัฐ มีการค้นพบตำราในจีนที่กล่าวถึงภาษีเกลือเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล

มี การเขียนตำราการบริหารเกลือขึ้นเป็นครั้งแรกชื่อ "ก่วนจื่อ" ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วยสิ่งที่เชื่อว่าเป็นคำแนะนำทางเศรษฐกิจของเสนาบดีคน หนึ่ง ที่มีชีวิตระหว่าง 685-643 ปีก่อนคริสตกาล ที่ให้แก่เจ้าผู้ครองแคว้นฉี โดยกำหนดราคาเกลือให้คงที่ในระดับที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา เพื่อให้รัฐสามารถนำเข้าและขายเกลือเพื่อทำกำไร

นับเป็นครั้งแรก ที่รู้กันในประวัติศาสตร์ว่ามีการผูกขาดสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตด้วย การควบคุมของรัฐ รายได้ที่มาจากเกลือสามารถนำไปใช้ในการสร้างกองทัพ และยังใช้สร้างกำแพงเมืองจีน

...จากจีนข้ามมาที่ประเทศอียิปต์

ชาว อียิปต์ทำเกลือด้วยการนำน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำไนล์มาทำให้ระเหย และอาจหาซื้อเกลือบางส่วนจากการค้าแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีหลักฐานแน่ชัดว่าพวกเขาได้รับเกลือจากการค้ากับแอฟริกา โดยเฉพาะจากลิเบียและเอธิโอเปีย

แต่อียิปต์ก็มีทะเลสาบเกลือมากมาย หลายชนิด รวมทั้งเกลือป่นที่เรียกว่า "เกลือทางเหนือ" และเกลืออีกชนิดที่เรียกว่า "เกลือแดง" ซึ่งอาจมาจากทะเลสาบใกล้เมืองเมมฟิส

นาน ก่อนศตวรรษที่สิบเจ็ดและสิบแปด ที่นักเคมีเริ่มจำแนกและตั้งชื่อเกลือชนิดต่างๆ นักเล่นแร่แปรธาตุ หมอ และคนครัวสมัยโบราณรู้ดีอยู่ก่อนแล้วว่าเกลือมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีรสชาติและคุณสมบัติทางเคมีแตกต่างกัน จึงเหมาะกับงานต่างกัน

ชาว จีนได้คิดค้นดินปืนด้วยการแยกดินประสิว หรือโพแทสเซียมไนเตรต ชาวอียิปต์ค้นพบเกลือชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นส่วนผสมของโซเดียมไบคาร์บอเนตกับ โซเดียมคลอไรด์ปริมาณเล็กน้อย

ชาวอียิปต์โบราณเรียกนาตรอนว่า "เกลือศักดิ์สิทธิ์"

มีการค้นพบสุสานของฟาโรห์หนุ่มตุตันคาเมนเมื่อ ค.ศ.1922 เป็นสุสานที่วิจิตรบรรจงและรักษาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ หลุมของพระศพล้อมรอบด้วยแท่นบูชาสี่แท่น แต่ละแท่นมีถ้วยบรรจุเรซิ่นและนาตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสองอย่างที่ใช้ในการเก็บรักษามัมมี่

นักวิจัยโต้แย้งว่ามีการใช้โซเดียมคลอไรด์ในการทำมัมมี่หรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะรู้ เนื่องจากนาตรอนประกอบด้วยโซเดียมคลอไรด์ปริมาณน้อย ซึ่งทำให้เหลือร่องรอยของเกลือแกงนี้ในมัมมี่ทุกร่าง ดูเหมือนว่าจะมีการใช้เกลือโซเดียมคลอไรด์แทนนาตรอนในการฝังศพของผู้ที่ มั่งคั่งน้อยกว่า

เฮโรโดตุสได้อธิบายวิธีทำมัมมี่ของอียิปต์ไว้อย่างละเอียด ซึ่งจากการตรวจสอบและวิเคราะห์ทางเคมีของนักโบราณคดีปัจจุบัน เทคนิคการทำมัมมี่มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าทึ่งกับกรรมวิธีที่ชาวอียิปต์ ใช้เก็บรักษานกและปลาด้วยการควักไส้และหมักเกลือ

เป็นที่ชัดเจนว่าคนรุ่นหลังไม่ได้ลืมความเหมือนกันระหว่างการเก็บรักษาอาหารกับการเก็บรักษา มัมมี่ ในศตวรรษที่สิบเก้า เมื่อมีการนำมัมมี่จากสุสานที่ซักคาราและเธเบสไปยังกรุงไคโร มีการเก็บภาษีมัมมี่ในอัตราเดียวกับปลาเค็มก่อนที่จะอนุญาตให้เข้าเมือง

ความจริงที่ว่าในอียิปต์โบราณ มัมมี่คนจนใช้เกลือโซเดียมคลอไรด์ ส่วนมัมมี่คนรวยใช้เกลือนาตรอน แสดงให้เห็นว่าชาวอียิปต์ตีค่านาตรอนสูงกว่า ซึ่งตรงข้ามกับที่ปรากฏในส่วนอื่นๆ ของแอฟริกาโบราณ

โดยทั่วไปชาวแอฟริกาที่ร่ำรวยกว่าจะใช้เกลือที่มีส่วนประกอบของโซเดียมคลอไรด์สูงกว่า ส่วนนาตรอนเป็นเกลือของคนจน

ในแอฟริกาตะวันตกมีการใช้นาตรอนขาวทำเค้กถั่วที่เรียกว่า "คูนู" (Kunu) เชื่อกันว่านาตรอนในอาหารชนิดนี้มีประโยชน์ในการบำรุงมารดาที่ให้น้ำนมบุตร

นาตรอนเหมาะกว่าเกลือในการทำอาหารจากถั่ว เพราะเชื่อกันว่า คาร์บอเนตจะต้านก๊าซ ยังมีการใช้นาตรอนเป็นยารักษากระเพาะอาหารมาจนถึงปัจจุบัน

จากการที่นาตรอนเป็นโซดาไบคาร์บอเนตธรรมชาติ ยังเชื่อกันว่านาตรอนเป็นยากระตุ้นกำหนัดในเพศชายอีกด้วย

เกลือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชาวโรมันในการสร้างจักรวรรดิ พวกเขาสร้างโรงเกลือทั่วทุกหนแห่งในโลกที่พวกเขาขยายอาณาจักรออกไป ตั้งอยู่ตามชายฝั่งทะเล บึง และบ่อน้ำเค็มทั่วคาบสมุทรอิตาลี

ชาวโรมันไม่เพียงแต่ยึดครองเหมืองเกลือหลายแห่งของชาวเซลต์ในกอลและอังกฤษ แต่ยังรวมถึงโรงเกลือของชาวเฟนีเชี่ยนและชาวคาร์เทจในแอฟริกาเหนือ ซิซิลี สเปน และโปรตุเกส

นอกจากนี้ยังยึดโรงเกลือที่กรีซ ทะเลดำ และตะวันออกกลางโบราณ รวมทั้งที่ภูเขาโซดอม ใกล้กับทะเลสาบเดดซี ซึ่งมีการพิสูจน์ว่าโรงเกลือมากกว่าหกสิบแห่งเป็นของจักรวรรดิโรมัน

เกลือเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ

ตัวอย่าง เช่น บนโต๊ะเสวยของอาณาจักรฝรั่งเศสยุคกลางและยุคเรอเนสซองส์สมัยต่างๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ภาชนะบรรจุเกลือเป็นรูปเรือขนาดใหญ่ตกแต่งหรูหรา คือ เนฟ (nef) ซึ่งในที่นี้เป็นภาชนะประดับเพชรพลอย

เนฟเป็นทั้งกระปุก เกลือและเครื่องหมายของ "นาวาแห่งรัฐ" ขณะที่เกลือเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพและการปกปักรักษา สื่อความหมายว่า สุขภาพของผู้ปกครองคือความมั่นคงของชาติ

ใน ค.ศ.1378 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ห้าแห่งฝรั่งเศส ทรงเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ ซึ่งครั้งนั้นเป็นที่เลื่องลือ และก่อให้เกิดคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนใจว่าควรจะวางเนฟไว้ตรงไหน ระหว่างเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ หรือเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่สี่ จักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงมีชาติกำเนิดเป็นชาวปรากและเป็นพระราชอาคันตุกะของพระองค์

นอกจากนี้ยังมีกษัตริย์เวนเชสลอสแห่งเยอรมนี พระราชโอรสขององค์จักรพรรดิก็ทรงร่วมในงานด้วย ผลสุดท้ายเลยจัดโต๊ะ โดยมีเนฟขนาดใหญ่สามใบสำหรับกษัตริย์แต่ละพระองค์

กระปุกเกลือที่วิจิตรบรรจงในรูปแบบต่างๆ ไม่เฉพาะรูปเรือเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เมื่อ ค.ศ.1415 ดุ๊กแห่งแบรี ผู้อุปถัมภ์งานศิลปะที่มีชื่อเสียงได้รับกระปุกเกลือจากช่างชื่อ ปอล เดอ ลัมบูร์ก เพิ่มเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเนฟที่สะสมไว้

เป็นกระปุกเกลือที่ทำจากหินโมรา ฝาปิดทำด้วยทองคำ และที่จับเป็นแซฟไฟร์ประดับด้วยมุกสี่เม็ด

นี่เป็นเพียงไตเติ้ล เรื่องราวเกี่ยวกับเกลือที่มาร์ก เคอร์ลันสกี หยิบมาเล่าสอดแทรกไปกับประวัติศาสตร์โลก

เสียดายที่พื้นที่มีไม่มาก พอที่จะนำเสนอเรื่องน่าสนใจมากมายเหล่านี้ได้หมด

เอาเป็นว่า ใครที่ยังใคร่รู้ เรืองชัย รักศรีอักษร นำเรื่องราวทั้งหมดมาแปลเป็นภาษาไทยไว้ให้อ่านกันสนุกๆ เพลินๆ แต่ได้สาระเต็มเปี่ยมในหนังสือชุด World History

Credit : มติชนรายวัน 21 ตุลาคม 2551 หน้า 20
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra01211051&sectionid=0131&day=2008-10-21

ประโยชน์ของ เกลือสครับ ขัดผิว Tangsalt

        เกลือสครับ ของแบรนด์ “Tangsalt” เป็นสครับผิวที่มีเนื้อละเอียดมาก เนื้อเกลือมีความสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี หากขัดผิวด้วยสครับเกลือสปา สามารถช่วยล้างพิษที่ผิวหนัง ตามศาสตร์โบราณ ท่านว่าผิวหนังนั้น เปรียบเสมือนไตชิ้นที่ 3 ไว้ระบายพิษที่สะสมในรูปแบบของเหงื่อ ถ้าผิวหนังปิดไม่สามารถระบายออกได้ หรือเหงื่อไม่ออก พิษย่อมเข้าไปสะสมในโลหิต ผลคือผิวพรรณไม่ใสสามารถกลายเป็นภูมิแพ้ได้ เหตุเพราะแพ้เลือด

ล้างพิษแบบง่ายๆ ด้วยสครับเกลือสครับขัดผิว       การขัดผิวช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วในส่วนต่างๆของร่างกายให้หลุดออก แล้วเผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้น เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่ม อีกทั้งเกลือสครับขัดผิว ยังช่วยขจัดไขมัน และสิ่งสกปรกที่อยู่ตามผิวให้หลุดออกอีกด้วย


วิธีการสครับผิวด้วยเกลือสครับ
  1. ใช้น้ำราดทั่วตัว หรือบริเวณที่ต้องการสครับ
  2. ใช้เกลือสครับถูเบาๆให้ทั่ว ในลักษณะไปมา หรือวนเป็นวงกลม ค่อยๆขัดไปทีละส่วน
  3. สครับประมาณ 3-5 นาที หรือจนกว่าเกลือจะละลาย 
  4. เมื่อสครับเรียบร้อยแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยไม่ต้องใช้สบู่ และเช็ดให้แห้ง
**ข้อควรทราบ** หากเหงื่อออกไม่ต้องตกใจ เพราะนั่นเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างผิวกับเกลือ พิษต่างๆ และสิ่งสกปรกที่ขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 10 มีนาคม 2560

รีวิว: เกลือสปา กับอาการเท้าชา หลังปั่น Audax200KM สะพานข้ามแม่น้ำแคว (วันที่ 4 มีนาคม 2560)

เกลือสปา Tangsalt ช่วยให้นักกีฬาปั่นจักรยานผ่อนคลาย?  
ก่อนอื่นต้องขอทำความรู้จักผู้รีวิวสักนิดนะครับ ผมชื่อณฐพล ปั่นจักรยานมาตั้งแต่ปี 2014 โดยจักรยานที่เริ่มใช้คือ Trek 1.1 ต่อมาก็พัฒนาการปั่นและอัพเกรดจักรยานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และได้รู้จักกับ การปั่นจักรยานทางไกล Audax เป็นครั้งแรก สนามแรกของผมคือ Audax200KM อยุธยา และแน่นอนครับว่าครั้งแรกของการปั่นจักรยานทางไกล เหนื่อยแทบตาย หลังจากกลับมาจากสนามแรกมีอาการเท้าชา เป็นมาข้ามวัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย

ต่อมาได้ลงสนาม Audax300KM Test Run นครปฐม-วิเศษชัยชาญ (วัดม่วง) ก็พบว่ามีอาการเท้าชาตั้งแต่ระหว่างการปั่น จนถึงเส้นชัย วันที่ 17 ตุลาคม 2015 เวลา 23.15น. อาการเท้าชา ยังคงปรากฎยาวไปถึงวันที่ 18 ชาไม่หายสักที สุดท้ายก็มาจางๆลงวันที่ 19 และหายในที่สุด สรุปเท้าชามา 2 วันเต็ม มาถึงตรงนี้ผมก็เริ่มกังวลและหาวิธีต่างๆที่จะทำให้เท้าไม่เกิดอาการชาระหว่างการปั่นจักรยานทางไกล แต่เอาจริงๆก็ยังคงมีอาการเท้าชาอยู่


ประสบการณ์การ Audax ของผมมีดังนี้นะครับ
  • Audax200KM อยุธยา 2 รอบ
  • Audax 300KM วิเศษชัยชาญ (วัดม่วง) Test Run 1 รอบ
  • Audax 300KM ชะอำ 1 รอบ
  • Audax 200KM สะพานขามแม่น้ำแคว 2 รอบ

        โดยทริปล่าสุด Audax 200KM สะพานข้ามแม่น้ำแคว (วันที่ 4 มีนาคม 2560) มีสิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจทำหลังจากการปั่นจักรยาน  ก็คือการแช่เท้าด้วยเครื่องแช่เท้าสปา และเกลือสปายี่ห้อ Tangsalt เพื่อต้องการพิสูตรว่า จะช่วยให้เท้าผมผ่อนคลายได้จริงหรือไม่?

         เส้นทาง 200KM ก็ถือว่าเป็นพื้นฐานของผู้ที่เริ่มต้นปั่นจักรยานทางไกล แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนแบบน้ำแข็งยังไม่ทันกินก็ละลายแล้ว ก็ถือว่าโหดด้วยสภาพอากาศมากๆครับ ร่างกายร้อนระอุไปหมด ปั่นไปก็พักไปตลอดทาง ระหว่างทางอาการชาที่เท้าก็เป็นๆหายๆตลอดครับ ต้องปลดล็อกรองเท้าบ้างในบางจังหวะ และในที่สุดก็เข้าเส้นชัยเวลา 19.30 น.

           เมื่อถึงบ้านก็ไม่รอช้า อาบน้ำแต่งตัวกางเกงขาสั้น ร่างกายยังคงระบมและที่สำคัญอาการเท้าชายังชาอยู่ ผมเอาเท้าลงไปแช่เท้าในเครื่องแช่สปาพร้อมกับใส่เกลือสปา 1 ซอง ตั้งเวลาเครื่องไว้ที่อุณหภูมิ 42 องศา เป็นเวลา 30 นาที ให้เครื่องแช่สปาเท้าได้นวดฝ่าเท้าผมไปเรื่อยๆ อยากบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกสบายมากๆครับ  เครื่องจะนวดบริเวณฝ่าเท้า มีฟองลมเป่าออกมา และที่สำคัญมีกลิ่นหอมที่ทำให้ผมพร้อมหลับได้ทุกเวลา ระหว่างแช่เท้าไปก็อัพรูปในเฟสไป แปปเดียวครึ่งชั่วโมงแล้ว เวลาที่แช่เท้ากับเครื่องนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆครับ


ผมเช็ดเท้าด้วยผ้าสะอาดแล้วก็สังเกตร่างกายผมได้ดังนี้
  1. อาการเท้าชาของผมหายเลยครับ
  2. อาการระบมเท้าดีขึ้น แต่ไม่หายสะทีเดียว
  3. ร่างกายโดยรวม ผมรู้สึกผ่อนคลาย สบายขึ้นมากครับ
สรุป
        เครื่องแช่เท้ากับเกลือสปา Tangsalt ให้ผลที่ดีมากๆครับ ลดความอ่อนล้าของร่างกาย ลดอาการชาเท้าได้ (สำหรับผมมันหายเลย) ลดอาการระบมฝ่าเท้าได้ดี เป็นอุปกรณ์ Recovery ร่างกายที่นักปั่นจักรยานควรมีไว้ใช้คนละ 1 เครื่องนะครับ โดยเฉพาะนักปั่นสาย Audax สมควรจัดอย่างยิ่งครับ และนี่เป็นประสบการณ์จริงจากนักปั่นจักรยานทางไกลของผมครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 10 มีนาคม 2560

เกลือสปา แช่ตัว แช่เท้า คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร


  เกลือสปา เป็นเกลือที่ผลิตขึ้น เพื่อใช้ในการบำบัดผิวพรรณ ช่วยผ่อนคลาย แก้อาการ และใช้ในการบำบัดโรค แก้อาการเครียด นอนไม่หลับ เกลือสปา Tangsalt เป็นเกลือธรรมชาติผลิตจากเกลือทะเลน้ำลึก


วิธีการแช่เท้า 
การผสมเกลือในการแช่ตัว แช่เท้า ในอุณหภูมิที่คงที่ 40 - 42 องศา จะช่วยผ่อนคลายความปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อได้ ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการของผิวหนังบางได้อีกด้วย การแช่ตัว แช่เท้าด้วยเกลือสปาจะช่วยให้คุณรู้สึกถึงความผ่อนคลาย และสบายผิว ท่านที่มีปัญหานอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ นอนมากแต่ยังรู้สึกอ่อนเพลียไม่สดชื่น ไม่กระปรี้กระเปร่า เป็นหวัดง่าย เมื่อแช่ตัว แช่เท้าด้วยเกลือสปา “Tangsalt” (ตังค์ซอลท์) ในน้ำอุ่นเป็นกระจำก่อนนอน เกลือจะช่วยดึงประจุลบออกจากร่างกาย

         ประจุลบในร่างกาย คืออะไร? ประจุลบเกิดจากความเครียด ความวิตกกังวล อารมณ์ และมลภาวะรอบตัว มลภาวะจากสิ่งแวดล้อม

วิธีการการแช่เท้า 
  1. เตรียมน้ำอุ่นที่อุณหภูมิคงที่ด้วยเครื่องสปาเท้าที่ 40 - 42 องศา (หากไม่มีสามารถใช้น้ำอุ่นที่เท้าสามารถแช่ได้แทน)
  2. ผสมเกลือสปาลงไป 1 ซอง หรือ 2 ช้อนโต๊ะ
  3. หากเป็นเครื่องสปาจะมีระบบนวดฝ่าเท้าอัตโนมัติ (หากไม่มีสามารถใช้เท้าคลึงไปกับเกลือจนกว่าจะละลายเป็นวิธีการนวดฝ่าเท้า)
  4. ใช้เวลาในการแช่เท้า 15-20 นาที
  5. ใช้ผ้าสะอาดซับน้ำที่เท้าให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
วิธีการการแช่ตัว 
  1. เตรียมน้ำอุ่นที่อุณหภูมิคงที่ที่ 40 - 42 องศา หรืออุณหภูมิที่สามารถแช่ได้
  2. ผสมเกลือสปาลงไป 1 ถ้วยตวง หากมีเอสเชนเซียลออยล์สามารถใส่ลงไปได้
  3. ลงนอนแช่ ใช้เวลาในการแช่ตัว 15-20 นาที
  4. เมื่อแช่เสร็จเรียบร้อย อาบน้ำล้างตัวตามปกติ
สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 10 มีนาคม 2560