วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

รีวิว : เกลือสปา กับอาการมีกลิ่นเท้า

เกลือสปา Tangsalt ช่วยให้กลิ่นเท้าหายไป?
​        ผมชื่อว่า ศิริชัย ครับ ทำอาชีพรับราชการตำรวจครับ อายุ 47 ปีครับ อย่างแรกเลยผมขอเท้าความก่อนนะครับ ว่าต้นเหตุของอาการมีกลิ่นเท้าหรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า  “ เท้าเหม็น ” นั่นเองครับ ซึ่งเวลาไปทำงานนั้นอาชีพตำรวจอย่างเราจะต้องใส่รองเท้าคอมแบท หรืออาชีพอื่นๆที่ต้องใส่รองเท้าจำพวกหนัง ยิ่งอากาศร้อนนะครับ ผมนี่ไม่อยากจะพูดถึงเลยครับความเหม็นของเท้าผมนี่สามารถทะลุออกมาจากรองเท้าได้เลยครับ และต้องใส่รองเท้าคอมแบททุกครั้งในเวลาทำงาน นั่นแสดงว่าผมไปทำงานเกือบทุกวัน ผมก็ต้องใส่มันไปทุกๆวัน


           อาชีพตำรวจนั้นไม่ใช่เข้าเวร 8 โมงเช้า กลับ 6 โมงเย็นนะครับ บางทีเข้า 24 ชั่วโมงก็มีครับ แล้วคิดดูนะครับ ต้องใส่ตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง ไม่ได้ถอดเลยก็มี ผ่านร้อน ผ่านหนาวมากเท่าไหร่ เรื่องกลิ่นเวลากอดรองเท้าไม่ต้องถามเลยครับ ตลบอบอวนแน่นอน

            พอวันหยุดสบายๆ จะใส่รองเท้าเท่ๆไปเที่ยวกับครอบครัว ก็มีปัญหาครับ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าหนังที่ภรรยาสุดที่รักของผมนั้นอยากให้ใส่ ก็ไม่สามารถใส่มันได้อีกครับ เพราะอะไรหน่ะหรอ ก็กลิ่นเท้าของผมเจ้ากรรมไงล่ะครับ แย่เลยใช่ไหมครับ  ไม่ว่าจะลองวิธีไหน ไม่ว่าจะเปลี่ยนรองเท้ามานับสิบคู่ ก็ไม่สามารถใส่ได้ แต่มีหนึ่งสิ่งครับที่ใส่ได้ คือ รองเท้าที่ทำจากยางครับ ใส่ได้ครับไม่ค่อยมีกลิ่น เพราะนอกจากจะมีกลิ่นเท้าแล้วเท้าของผมก็จะมีเหงื่อด้วยครับ พอเหงื่อออกมันก็จะเกิดการหมักหมนของแบคทีเลียที่สะสมในรีองเท้าทำให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น มักเกิดกับบุคคลที่มีเหงื่อออกมา นั่นคือตัวผมครับ และโรคเท้าเหม็นก็สามารถพบได้กับในเพศชายมากกว่าเพศหญิงครับ และผมก็เชื่อว่าในหลายๆ คนนั้นก็ต้องพบเจอปัญหามีกลิ่นเท้าแบบผมบ้างใช่ไหมครับ อาจจะไม่ใช่เป็นตลอดแต่ก็ต้องมีบ้างล่ะหากคุณใส่รองเท้านานๆ หรืออาจจะไม่ได้เกิดกับตัวคุณเองหรอก แต่เกิดกับบุคคลรอบข้างของคุณก็มี

        วันนี้ผมเลยอยากเล่าเรื่องและหยิบยกสิ่งหนึ่งให้กับคุณผุ้อ่านหรือบุคคลที่กำลังหาสิ่งที่ช่วยลดอาการเท้าเหม็นให้น้อยลงและหมดไปครับ เพราะผมได้ทดลองใช้ด้วยตัวของผมเองนะครับ นั่นก็คือ “เกลือสปา Tangsalt” ผมได้ทดลองใช้เกลือสปา Tangsalt มาสักระยะหนึ่งแล้วครับ โดยการทำแสนง่ายดายมากครับ ไม่ยุ่งยาก การทำของผมนั้นคือการเตรียมกะละมังใส่น้ำอุ่นครับ แล้วใช้เกลือสปา Tangsaltเทลงไปในน้ำครับ แล้วแช่เท้าประมาณ 15 ถึง 30 นาทีได้ครับ แล้วซับเท้าให้แห้งเป็นอันเรียบร้อย ง่ายดายใช่ไหมครับ ใครๆก็ทำได้ ไม่ยากเลย


          ความรู้สึกส่วนตัวของผมนะครับหลังจากที่ได้ลองใช้เกลือสปา Tangsalt ผมว่าผลที่ได้มันดีนะครับ ไม่ใช่ที่เราใช้ครั้งแรกแล้วนั้นกลิ่นเท้าจะหมดไปเลยนะครับ  แต่เราต้องใช้ไปสักระยะหนึ่ง แช่บ่อยๆ แช่ทุกวันยิ่งดี นอกจากที่กลิ่นเท้าของผมจะลดลงไม่ค่อยตลบอบอวนแล้ว ผมยังรู้สึกได้ว่าผิวหนังของเท้าผมนี่มีความนิ่มและดูชุ่มชื้น เหมือนตัวเกลือสปา Tangsalt มันช่วยผลัดผิวหนังที่เสื่อมสภาพออกไปด้วยนะครับ ขจัดแบคทีเรียอีกด้วย

           สำหรับตัวผม ผมว่าเกลือสปา Tangsalt ตัวนี้ผมให้ผ่านครับ ต้องลองด้วยตัวเองดูนะครับและคุณจะรู้ว่าเกลือสปา Tangsaltที่ผมพูดถึงมันดีจริงหรือไม่ อยู่ที่ตัวคุณครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านมาจนจบนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะครับ ขอบคุณครับ

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 21 เมษายน 2560

รีวิว : เกลือสครับขัดผิว กับผิวที่ชุ่มชื้นขึ้นและรอยแผลเป็นที่จางลง

เกลือสครับขัดผิว Tangsalt ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นและรอยแผลเป็นจางลง?
           ดิฉันชื่อว่า ณิชชา อายุ 47 ปีค่ะ ต้องบอกก่อนเลยนะคะ ดิฉันเป็นคนที่มีผิวแห้งมาก ว่างเป็นทาครีมบำรุงผิว ทาตลอด แต่ผิวก็ยังคงแห้งอยู่ไม่ได้ชุ่มชื้นตลอดเวลา ปัญหาผิวแห้ง เป็นปัญหาที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจนัก เพราะโดนส่วนมากแล้วอากาศที่มีความชื้นสูงของบ้านเรา ทำให้ผิวพรรณไม่ค่อยจะได้มีโอกาสแห้งกร้านกัน เพราะอาจจะมีเหงื่อออกมาบ้างทำให้ผิวไม่ค่อยแห้งสักเท่าไหร่ แต่จะยกเว้น คนที่มีปัญหาผิวแห้งติดตัวมาแต่เกิด หรือ เรียกง่ายๆว่าเป็นคนผิวแห้งอยู่แล้ว ถึงจะให้ความสนใจกับปัญหานี้อย่างจริงๆจังๆ
         
             ตัวของดิฉันเองมีปัญหาผิวแห้งที่เกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น อากาศหนาว อากาศแห้ง (รวมถึงอยู่ในห้องแอร์ในออฟฟิศทั้งวันด้วย) เมื่ออุณหภูมิต่ำลงระดับความชื้นก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งลมแห้งๆ เนี่ยทำให้ผิวเราแห้งกร้านไปด้วย ส่งผลทำให้ผิวพรรณของเราเกิดอาการระคายเคือง รู้สึกแห้ง ไม่สบายตัว เหมือนอยากเติมน้ำให้ผิวยังไงยังงั้น หรืออาจะเป็นการอาบน้ำอุ่นบ่อยๆ การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในหน้าหนาว (แม้กระทั่งในฤดูอื่นๆ) ก็ทำให้ผิวเราแห้งลงเช่นกัน การยืนอาบน้ำอุ่น น้ำร้อนในหน้าหนาวนั้นให้ความรู้สึกฟินแบบบอกไม่ถูก ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ผิวหนังของเราแห้งลงอย่างรวดเร็ว และจะแห้งต่อเนื่องไปอีก หลังจากที่อาบน้ำ หรืออาจจะเป็นปัญหาที่ว่าเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ต่อมผลิตความมันของผิวหนังซึ่งช่วยให้ผิวพรรณของคนเราชุ่มชื้นจะลดประสิทธิภาพการทำงานลง ทำให้ผิวของเราแห้งกร้านมากขึ้นกว่าเดิม เป็นสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้ผิวแห้ง


            จนดิฉันได้มารู้จักกับเกลือสครับขัดผิว Tangsalt ดิฉันได้ทดลองใช้เกลือสครับขัดผิว Tangsalt ที่เป็นผลิตภัณฑ์เกลือสครับขัดผิวที่มีเม็ดละเอียดอ่อนไม่คมและไม่บาดผิว ละลายช้า มีเนื้อสัมผัสที่ดีค่ะ ขัดไปที่ตัวประมาณ 5 ถึง 10 นาที หลังจากอาบน้ำค่ะ


           ความรู้สึกแรกที่รู้สึกได้คือผิวลื่นค่ะมีความนุ่มและชุ่มชื้นมากขึ้น และหลังจากที่ดิฉันได้ใช้ เกลือสครับขัดผิว Tangsalt มาเป็นเวลาสักระยะหนึ่ง นอกจากดิฉันจะเห็นผลว่าผิวที่เคยแห้งกร้านของดิฉันนั้นเริ่มมีความชุ่มชื้นขึ้นมา รอยแผลเป็นก็จางลงด้วยนะคะ กลิ่นกายลดน้อยลง แต่ต้องขัดทุกๆวันนะคะ ยิ่งเราขยันขัดผิว ดูแลตัวเองมากเท่าไหร่ ผิวของเราก็จะดีตามขึ้นมามากเท้านั้นนะคะ

           ดิฉันอยากจะแนะนำสำหรับบุคคลที่มีผิวแห้งกร้าน หรือบุคคลที่รักสุขภาพผิว ก็สามารถใช้ เกลือสครับขัดผิว Tangsalt ได้อย่างตอบโจทย์ที่ต้องการเลยนะคะ และเกลือสครับขัดผิว Tangsalt ก็เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยด้วยนะคะ  คุณประโยชน์เกิดคาดจริงๆ ค่ะ

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 21 เมษายน 2560

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

รีวิว : เกลือสครับขัดผิว Tangsalt

        สวัสดีครับก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนเลยครับว่า ผม MICK เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งครับ โดยปกติแล้วชีวิตประจำวันของผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ออฟิศซะมากกว่าครับ แต่ถ้าเป็นวันหยุดล่ะก็ ผมมักจะออกไปทำกิจกรรม Outdoor เช่น การปั่นจักรยาน หรือไปออกทริปกับเพื่อน ๆ ซึ่งแน่นอนครับว่ากิจกรรม Outdoor นั้น มันต้องอยู่กลางแจ้งเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว และปัญหาหลักเลยของผู้ชายที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเรา ๆ นั่นก็คือเรื่องของคราบเหงื่อไคล และกลิ่นตัว ครับ ยิ่งถ้าวันไหนแดดร้อนจัด ๆ แล้วล่ะก็ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัด เหนียวตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีกครับ

         จนเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมาเพื่อสมัยมัธยมของผมคนหนึ่งได้แนะนำผลิตภัณฑ์ พวกสครับผิวที่ทำจากเกลือธรรมชาติ 100% ให้ลองใช้ดู ซึ่งเรื่องเกลือสครับนี่ผมก็เคยได้ยินมานานแล้วครับ แต่ก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่แล้วผมมักจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ สครับผิวกลิ่นต่าง ๆ ตามเคาน์เตอร์แบรนด์ซะมากกว่า ใช้มาแล้วก็หลายยี่ห้อ ตั้งแต่ของราคาแพง จนถึงของที่ขายกันทั่วไปตามสวนจตุจักร จนเมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสใช้ “เกลือสครับขัดผิว ของ Tangsalt” (ซึ่งเพื่อนอีกคนแนะนำมาครับ)

              ตอนแรกที่ซื้อมาก็แค่รู้สึก  อยากลองหาอะไรใหม่ ๆ มาเล่นเวลาอาบน้ำเฉย ๆ ครับ ราคาก็ไม่แพงมากครับ (กระปุกเล็ก 450 บาท / กระปุกใหญ่ 800 บาท) แต่อีกปัจจัยหนึ่งของ Tangsalt ที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อ คือ เจ้าของคอนเฟิร์มเลยว่าเนื้อสครับละเอียด ซึ่งผมก็ลองเทสดูกับหลังมือแล้วก็รู้สึกว่าละเอียดจริงกว่าหลาย ๆ ยี่ห้อที่ขายอยู่ในท้องตลาด ประกอบกับกลิ่นที่หอมแบบอ่อน ๆ และ Package ก็สีสันสวยดี ดูโอเคไม่หวือหวามากมายเหมือน Local Brand อื่น ๆ จึงทำให้ผมตัดสินใจลองซื้อมาใช้


           เมื่อถึงบ้านก็ไม่รอช้าครับ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำทันที เพราะอยากลองของเล่นใหม่ หลังจากที่ชำระร่างกายเรียบร้อบดีแล้ว ผมก็เริ่มชโลมเกลือสครับที่แขนก่อนทันทีครับ (จริงๆ ที่ขาก่อนก็ได้นะ 555) สัมผัสแรกที่รู้สึกเลย คือ เฮ้ย! เกลือสครับยี่ห้อนี้เนื้อมันละเอียดจริงกว่ายี่ห้ออื่น เพราะที่เคยใช้มาเกล็ดเกลือหยาบมาก สครับเสร็จแขนนี่แดงเถือกเลยครับ แต่ Tangsalt ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังทำสปาสครับผิวให้ตัวเองที่บ้านได้เลย พอสครับแขนเสร็จคราวนี้ก็ชโลมทั้งตัวลงไปจนถึงขาเลยครับ อย่างว่าแหละไหน ๆ จะลองแล้วก็ลองมันทั้งตัวเลยครับ พอสครับไปซักพักนึงประมาณ 10-15 นาที ก็เริ่มรู้สึกเลยว่าผิวนุ่มขึ้น ทีนี้พอสครับเสร็จก็ล้างตัวเลยครับ
             ขอบอกเลยว่า “เกลือสครับ ของ Tangsalt” ล้างออกง่ายจริง ๆ เพราะเคยมีประสบการณ์กับบางยี่ห้อที่ล้างออกยากเพราะมีเมือกลื่นๆ ติดที่ผิวทำให้รู้สึกว่าเหมือนอาบน้ำไม่เกลี้ยง แต่สำหรับยี่ห้อนี้ล้างออกง่ายครับ ไม่มีปัญหาที่เคยกังวลเลย พอล้างตัวเสร็จก็รู้สึกเลยว่าผิวเนียนนุ่มขึ้น แต่ไม่แห้งตึงนะครับ ที่สำคัญรู้สึกเนื้อตัวเกลี้ยงเกลากว่าเดิมเยอะเลย โดยเฉพาะถ้าเน้นตรงข้อพับ หรือตรงซอกเท้าจะยิ่งรู้สึกชัดเจนเลยครับว่าเกลี้ยงขึ้นมากจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็อย่าพึ่งเชื่อผม 100% นะ ที่ผมมารีวิวก็เพราะแค่อยากลองแชร์ประสบการณ์หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ให้หลาย ๆ คนทราบว่าเป็นยังไงบ้าง แต่อยากแนะนำจริง ๆ ครับว่าคุณลองไปซื้อมาใช้กันเถอะ ผมมั่นใจเลยว่าเกลือสครับตัวนี้ดีจริงไม่แพ้เคาน์เตอร์ แบรนด์ดัง ๆ เลยครับ

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 10 เมษายน 2560

รีวิว : เกลือสปา กับอาการปวดเมื่อยเท้า จากการยืนทำงานเวลานานหรือตลอดทั้งวัน

เกลือสปา Tangsalt ช่วยให้นักศึกษารู้สึกสบายเท้า?

           สวัสดีคะ ดิฉันชื่อทิวาพร เป็นนักศึกษา คณะครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 ซึ่งคณะของดิฉันนั้นเป็นคณะที่มีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเป็นอย่างมาก เป็นข้อบังคับที่นักศึกษาในคณะครุศาสตร์ตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 เป็นต้นไป ต้องใส่รองเท้าคัชชูตลอดเวลา ห้ามใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าอื่นๆ ซึ่งรองเท้าคัชชูนั้น ต้องมีส้นที่สูงขึ้นมาจากพื้นมากกว่า 2 นิ้ว และการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานานและบ่อย ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ โดยผลเสียของการยืนนาน ๆ มีอาการหลายอย่าง คือ ปวดเมื่อยเท้า ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน่องและต้นขา หลอดเลือดขอด ปวดเข่าและหลัง

       
            ซึ่งอาการที่จะพบเห็นได้บ่อยของดิฉันคือ มีอาการปวดเมื่อยเท้าค่ะ เพราะว่าต้องใส่รองเท้าคัชชูไปเรียนทุกวัน และต้องมีการเดินเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงทั้งการยืนเป็นเวลานานๆ เพราะในการเรียนในคณะครุศาสตร์นั้น ต้องมีการสอบสอน การออกไปนำเสนองาน หรือการที่ต้องมีการทำการทดลองออกไปสอนหน้าชั้นเรียน จึงทำให้ต้องมีการยืนเป็นเวลานานๆเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง โดยที่ไม่มีการนั่ง สลับกันไปทั้งการยืนและการเดินไปในชั้นเรียนระหว่างการสอน เพื่อให้มีการทั่วถึงเด็กในชั้นเรียน จึงทำให้เกิดอาการปวดเมื่อเท้า

         
            แต่หลังจากที่ได้รู้จักกับ เกลือสปา TangSalt หลังจากกลับมาถึงบ้าน ดิฉันก็ได้ทำการแช่เท้าด้วย เกลือสปา TangSalt เพื่อช่วยผ่อนคลายให้กับตัวของดิฉันเอง ดิฉันเอาเท้าแช่ลงในกะละมังที่มีน้ำอุ่นพร้อมเกลือสปา TangSalt 1 ซอง เป็นเวลา 15 ถึง 20 นาที ในขณะที่ดิฉันแช่เท้านั้น มีความรู้สึกสบาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ที่ดิฉันยืนและเดินมาตลอดทั้งวัน โดยเกลือสปา TangSalt มีกลิ่นอ่อนๆ เฉพาะตัว ไม่รุนแรงจนฉุด เท้าไม่มีกลิ่นเหม็น ทำให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ขณะที่แช่เท้าก็สามารถที่เอาหนังสือมาอ่านขั้นเวลา หรือเล่นโทรศัพท์ ดูรายการโปรด หรือดูข่าว หรือพุดคุยกับบุคคลในครอบครัว ชวนพ่อ เชิญแม่ ลากมือยาย จูงมือหลาน พากันมาแช่เท้า นอกจากจะทำให้เท้าเรามีสุขภาพเราดีขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างสัมพันธ์ เสริมสร้างความสุขในการพูดคุยกันในครอบครัวได้อีกด้วยค่ะ


            หลังจากแช่เท้าเสร็จแล้ว ดิฉันก็นำผ้ามาซับเท้าให้แห้ง หลังจากที่ดิฉันได้แช่เท้าแล้ว อาการปวดเมื่อยเท้าก็มีอาการดีขึ้น และไม่ค่อยเกิดอาการปวดเมื่อยเท้าแล้วอีกด้วย เท้าที่ต้องใส่รองเท้าคัชชูทึ่เป็นรองเท้าหนัง ทำให้เวลามีเหงื่อออกจะทำให้มีกลิ่นเท้าได้ เป็นกลิ่นที่หนัง แต่แช่เท้าแล้วทำให้กลิ่นเท้าหายไปค่ะ

            โดยรวมแล้วให้คะแนนเกลือสปา TangSalt  10 10 10 ไปเลยค่ะ แต่อย่าที่เขาว่านะคะ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น 10 ตาเห็นไม่เท่ามือคลำนะคะ เราต้องลองค่ะ และคุณจะหลงรักใน เกลือสปา TangSalt เหมือนดิฉันค่ะ

            ดิฉันอยากจะแนะนำ เกลือสปา TangSalt ให้กับผู้ประกอบอาชีพที่ต้องยืนทำงานตลอดทั้งวันหรือยืนเป็นเวลานาน เพราะดิฉันใช้แล้วรู้สึกสุขภาพดีขึ้นค่ะ แต่ความจริงแล้ว เกลือสปา TangSalt นั้นเหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย หรือทุกอาชีพการทำงาน และเหมาะกับผู้ที่รักษาสุขภาพของตนเองอีกด้วยค่ะ

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 10 เมษายน 2560

วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

Did You Know That You Can Detox Your Body Through Your Feet

         There is an ancient Chinese medicine that can help you detox your body through your feet. This is because the Chinese system of reflexology tells that our feet have natural energy zones that are linked to the big and important organ system in our body. This means that you can detoxify your whole body through your feet and remove inner toxins.
Did You Know That You Can Detox Your Body Through Your Feet?
        This treatment is very simple yet effective.
Foot Detox Pads
        Detox pads can be found in any health store, and you just need to put them on your feet before you go to sleep. Remove them when you wake up and if they became dark during the night, then that means you are toxin-free.
Ionic Foot Bath
        You can also use ionic foot bath to detoxify your body from toxins. This bath is based on electrolysis, which is a method that uses electrical current to make a chemical reaction. You should use warm water to open your pores and salt is used as an anti-inflammatory astringent. Ions are absorbed through the feet and your body is getting a detox. If the salt water becomes dark, that means you are eliminating toxins from your body. There are several forms of this bath:
Salt Detox Bath Recipe
You will need:
  • 1 cup of Epsom salt
  • 1 cup of sea salt
  • 2 cups of baking soda
  • Essential oils (optional)

Directions:
       Use boiling water and put all the ingredients in, leave them to dissolve. After that add warm water in the tub and also add apple cider vinegar. Add essential oils and salt in the mixture. Soak for half an hour. Keep in mind that you might experience exhaustion and weakness after the bath, but it will soothe the skin irritation and detox your body, and increase the magnesium levels.
Clay Detox Bath Recipe
You will need:
  • 1/2 cup bentonite clay
  • 1/2 cup Epsom salt
  • Essential oils (optional)

Directions:
        Dissolve the Epsom salt in a hot bath, and after that add essential oils. Mix the clay with a small amount of water, and when mixing don’t use metal. In the end, add clay to the prepared bath and soak for about 20 minutes. This bath will detoxify your body and increase magnesium levels.
Oxygen Detox Bath Recipe
You will need:
  • 2 cups of hydrogen peroxide
  • 1 tablespoon dried ginger powder

Directions:
        Fill your tub with hot water and add dried ginger and hydrogen peroxide. Soak the whole body in for half an hour. It will soothe your body and help you will all kinds of irritations and allergies.
Credit : http://topfithealthy.com/did-you-know-that-you-can-detox-your-body-through-your-feet/

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

เล่าเรื่อง "เกลือ" ผ่านประวัติศาสตร์โลก โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช

ภาพการแล่และทำเค็มปลาในภาพฝาผนังของอียิปต์ในสุสานของ Puy-em-re รองสังฆราชแห่งอามุนราว 1,450 ปีก่อนคริสตกาล
อาหารจะมีรสชาติอร่อย ว่ากันว่าต้องเหยาะเกลือลงไปสักนิด
นั่นเป็นเคล็ด (ไม่) ลับของบรรดาคุณแม่บ้านใช้เสริมเสน่ห์ปลายจวัก
ทว่า...เกลือไม่ได้มี ประโยชน์เพียงแค่นั้น ถ้ามองลึกเข้าไปในประวัติศาสตร์โลก เกลือเป็นสิ่งมีค่ามากมายมหาศาล

ในบางยุคสมัย เกลือมีค่าเทียบเท่าเงินตรา ทำให้เกิดเส้นทางการค้าโลก และเป็นชนวนสงครามในยุคล่าอาณานิคม ฯลฯ

สำนักพิมพ์มติชน ซึ่งมีหนังสือดีๆ มาให้เลือกสรรด้วยราคาเป็นกันเอง แน่นอนว่ารวมทั้งหนังสือซิงๆ ที่เพิ่งออกจากแท่นพิมพ์มาให้ทันซื้อหากันในงานนี้โดยเฉพาะ ที่มติชน โซนพลาซ่า

ใครที่มาขนไปแล้ว 2 คันรถ (เข็น) จะมาขนอีกสักหนึ่งคันรถ (เข็น) งานนี้ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมตรวจสอบหนังสือที่ขนกันไปว่าซื้อไปครบถ้วนหรือยัง อย่างเล่มนี้ "ประวัติศาสตร์โลกผ่านเกลือ" หนังสือดีอีกเล่ม ที่อยากจะแนะนำว่าไม่ควรพลาด

" ประวัติศาสตร์โลกผ่านเกลือ" เป็นหนังสือแปล ผลงานการเขียนของ มาร์ก เคอร์ลันสกี นักเขียนผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถหยิบหัวข้อธรรมดาที่คนทั่วไปมองข้าม มาเป็นประเด็นที่สื่อถึงประวัติศาสตร์และสังคมศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังมีสำนวนที่อ่านสนุกและชวนติดตาม

เรืองชัย รักศรีอักษร ผู้แปล บอกเล่าถึงความประทับใจที่ได้จากการแปลหนังสือเล่มนี้ว่า คือความอัจฉริยะของเคอร์ลันสกี ที่สามารถเขียนประวัติศาสตร์ให้เป็นเหมือนนิยายที่อ่านสนุก เพลิดเพลิน ให้ความรู้และแง่มุมต่างๆ ทั้งทางประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเมือง ศาสนา และขนบประเพณีของชาติต่างๆ ในอดีตได้อย่างน่าสนใจโดยผ่านเกลือ

" เคอร์ลันสกีนำเสนออดีตและปัจจุบันของการผลิตและการค้าเกลือ ทำให้เราได้รู้ว่าเบื้องหลังของประวัติศาสตร์โลกล้วนเกี่ยวข้องกับเกลือ อย่างเช่นกำแพงเมืองจีนสร้างจากภาษีเกลือ กองทัพโรมันที่เกรียงไกรก็สร้างขึ้นจากภาษีเกลือ อาณาจักรมายามีรากฐานจากการผลิตและค้าเกลือ

การค้าระหว่างประเทศในยุคกลางมีเกลือและผลิตภัณฑ์จากเกลือ อย่างปลาเค็มและเนื้อเค็มเป็นสินค้าหลัก

เกลือเป็นสินค้าสำคัญของจักรวรรดิอังกฤษที่แผ่อิทธิพลไปทั่วโลก 

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายใต้พ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองของสหรัฐมาจากการขาด แคลนเกลือ การเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของอินเดียจากอังกฤษเริ่มจากการคัดค้านการผูกขาด เกลือของจักรวรรดิอังกฤษ
การขนส่งเกลือด้วยเกวียนเทียมอูฐไปยังทางรถไฟที่ทะเลสาบบาสคุนต์ชัก ทางตอนใต้ของอุราล ในรัสเซีย ราว ค.ศ.1929 (ขวาบน) ภาพพิมพ์งานไม้ของอังกฤษในศตวรรษที่สิบแปด แสดงถึงการหมักและตากแห้งปลาคอด ในนิวฟาวนด์แลนด์ (ซ้ายล่าง) ภาพจำลองภายในสุสานตุตันคาเมน
วิชาเคมี โบราณคดี และธรณีวิทยา เกิดขึ้นจากการค้นคว้าเรื่องเกลือ ฯลฯ
ลองเปิดเข้าไปอ่านเรื่องราวอันน่าทึ่งของ "เกลือ" ใน "ประวัติศาสตร์โลกผ่านเกลือ"

... เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่เกลือเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง พ่อค้าเกลือในแคริบเบียนจะเก็บเกลือไว้ในห้องใต้ดิน ชาวจีน ชาวโรมัน ชาวฝรั่งเศส ชาวเวนิชตระกูลอัพเบิร์ก และรัฐบาลอื่นๆ อีกมากมายได้เก็บภาษีเกลือเพื่อหาเงินในการทำสงคราม มีการจ่ายเกลือเป็นค่าจ้างให้แก่ทหาร และบางครั้งก็ให้แก่คนงานด้วย เกลือมีค่าเสมือนเงินตราตลอดมา

หลายศตวรรษมาแล้วที่ราชสำนักจีนถือ ว่าเกลือเป็นที่มาของรายได้ของรัฐ มีการค้นพบตำราในจีนที่กล่าวถึงภาษีเกลือเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล

มี การเขียนตำราการบริหารเกลือขึ้นเป็นครั้งแรกชื่อ "ก่วนจื่อ" ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วยสิ่งที่เชื่อว่าเป็นคำแนะนำทางเศรษฐกิจของเสนาบดีคน หนึ่ง ที่มีชีวิตระหว่าง 685-643 ปีก่อนคริสตกาล ที่ให้แก่เจ้าผู้ครองแคว้นฉี โดยกำหนดราคาเกลือให้คงที่ในระดับที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา เพื่อให้รัฐสามารถนำเข้าและขายเกลือเพื่อทำกำไร

นับเป็นครั้งแรก ที่รู้กันในประวัติศาสตร์ว่ามีการผูกขาดสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตด้วย การควบคุมของรัฐ รายได้ที่มาจากเกลือสามารถนำไปใช้ในการสร้างกองทัพ และยังใช้สร้างกำแพงเมืองจีน

...จากจีนข้ามมาที่ประเทศอียิปต์

ชาว อียิปต์ทำเกลือด้วยการนำน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำไนล์มาทำให้ระเหย และอาจหาซื้อเกลือบางส่วนจากการค้าแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีหลักฐานแน่ชัดว่าพวกเขาได้รับเกลือจากการค้ากับแอฟริกา โดยเฉพาะจากลิเบียและเอธิโอเปีย

แต่อียิปต์ก็มีทะเลสาบเกลือมากมาย หลายชนิด รวมทั้งเกลือป่นที่เรียกว่า "เกลือทางเหนือ" และเกลืออีกชนิดที่เรียกว่า "เกลือแดง" ซึ่งอาจมาจากทะเลสาบใกล้เมืองเมมฟิส

นาน ก่อนศตวรรษที่สิบเจ็ดและสิบแปด ที่นักเคมีเริ่มจำแนกและตั้งชื่อเกลือชนิดต่างๆ นักเล่นแร่แปรธาตุ หมอ และคนครัวสมัยโบราณรู้ดีอยู่ก่อนแล้วว่าเกลือมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีรสชาติและคุณสมบัติทางเคมีแตกต่างกัน จึงเหมาะกับงานต่างกัน

ชาว จีนได้คิดค้นดินปืนด้วยการแยกดินประสิว หรือโพแทสเซียมไนเตรต ชาวอียิปต์ค้นพบเกลือชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นส่วนผสมของโซเดียมไบคาร์บอเนตกับ โซเดียมคลอไรด์ปริมาณเล็กน้อย

ชาวอียิปต์โบราณเรียกนาตรอนว่า "เกลือศักดิ์สิทธิ์"

มีการค้นพบสุสานของฟาโรห์หนุ่มตุตันคาเมนเมื่อ ค.ศ.1922 เป็นสุสานที่วิจิตรบรรจงและรักษาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ หลุมของพระศพล้อมรอบด้วยแท่นบูชาสี่แท่น แต่ละแท่นมีถ้วยบรรจุเรซิ่นและนาตรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสองอย่างที่ใช้ในการเก็บรักษามัมมี่

นักวิจัยโต้แย้งว่ามีการใช้โซเดียมคลอไรด์ในการทำมัมมี่หรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะรู้ เนื่องจากนาตรอนประกอบด้วยโซเดียมคลอไรด์ปริมาณน้อย ซึ่งทำให้เหลือร่องรอยของเกลือแกงนี้ในมัมมี่ทุกร่าง ดูเหมือนว่าจะมีการใช้เกลือโซเดียมคลอไรด์แทนนาตรอนในการฝังศพของผู้ที่ มั่งคั่งน้อยกว่า

เฮโรโดตุสได้อธิบายวิธีทำมัมมี่ของอียิปต์ไว้อย่างละเอียด ซึ่งจากการตรวจสอบและวิเคราะห์ทางเคมีของนักโบราณคดีปัจจุบัน เทคนิคการทำมัมมี่มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าทึ่งกับกรรมวิธีที่ชาวอียิปต์ ใช้เก็บรักษานกและปลาด้วยการควักไส้และหมักเกลือ

เป็นที่ชัดเจนว่าคนรุ่นหลังไม่ได้ลืมความเหมือนกันระหว่างการเก็บรักษาอาหารกับการเก็บรักษา มัมมี่ ในศตวรรษที่สิบเก้า เมื่อมีการนำมัมมี่จากสุสานที่ซักคาราและเธเบสไปยังกรุงไคโร มีการเก็บภาษีมัมมี่ในอัตราเดียวกับปลาเค็มก่อนที่จะอนุญาตให้เข้าเมือง

ความจริงที่ว่าในอียิปต์โบราณ มัมมี่คนจนใช้เกลือโซเดียมคลอไรด์ ส่วนมัมมี่คนรวยใช้เกลือนาตรอน แสดงให้เห็นว่าชาวอียิปต์ตีค่านาตรอนสูงกว่า ซึ่งตรงข้ามกับที่ปรากฏในส่วนอื่นๆ ของแอฟริกาโบราณ

โดยทั่วไปชาวแอฟริกาที่ร่ำรวยกว่าจะใช้เกลือที่มีส่วนประกอบของโซเดียมคลอไรด์สูงกว่า ส่วนนาตรอนเป็นเกลือของคนจน

ในแอฟริกาตะวันตกมีการใช้นาตรอนขาวทำเค้กถั่วที่เรียกว่า "คูนู" (Kunu) เชื่อกันว่านาตรอนในอาหารชนิดนี้มีประโยชน์ในการบำรุงมารดาที่ให้น้ำนมบุตร

นาตรอนเหมาะกว่าเกลือในการทำอาหารจากถั่ว เพราะเชื่อกันว่า คาร์บอเนตจะต้านก๊าซ ยังมีการใช้นาตรอนเป็นยารักษากระเพาะอาหารมาจนถึงปัจจุบัน

จากการที่นาตรอนเป็นโซดาไบคาร์บอเนตธรรมชาติ ยังเชื่อกันว่านาตรอนเป็นยากระตุ้นกำหนัดในเพศชายอีกด้วย

เกลือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชาวโรมันในการสร้างจักรวรรดิ พวกเขาสร้างโรงเกลือทั่วทุกหนแห่งในโลกที่พวกเขาขยายอาณาจักรออกไป ตั้งอยู่ตามชายฝั่งทะเล บึง และบ่อน้ำเค็มทั่วคาบสมุทรอิตาลี

ชาวโรมันไม่เพียงแต่ยึดครองเหมืองเกลือหลายแห่งของชาวเซลต์ในกอลและอังกฤษ แต่ยังรวมถึงโรงเกลือของชาวเฟนีเชี่ยนและชาวคาร์เทจในแอฟริกาเหนือ ซิซิลี สเปน และโปรตุเกส

นอกจากนี้ยังยึดโรงเกลือที่กรีซ ทะเลดำ และตะวันออกกลางโบราณ รวมทั้งที่ภูเขาโซดอม ใกล้กับทะเลสาบเดดซี ซึ่งมีการพิสูจน์ว่าโรงเกลือมากกว่าหกสิบแห่งเป็นของจักรวรรดิโรมัน

เกลือเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ

ตัวอย่าง เช่น บนโต๊ะเสวยของอาณาจักรฝรั่งเศสยุคกลางและยุคเรอเนสซองส์สมัยต่างๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ภาชนะบรรจุเกลือเป็นรูปเรือขนาดใหญ่ตกแต่งหรูหรา คือ เนฟ (nef) ซึ่งในที่นี้เป็นภาชนะประดับเพชรพลอย

เนฟเป็นทั้งกระปุก เกลือและเครื่องหมายของ "นาวาแห่งรัฐ" ขณะที่เกลือเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพและการปกปักรักษา สื่อความหมายว่า สุขภาพของผู้ปกครองคือความมั่นคงของชาติ

ใน ค.ศ.1378 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ห้าแห่งฝรั่งเศส ทรงเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ ซึ่งครั้งนั้นเป็นที่เลื่องลือ และก่อให้เกิดคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนใจว่าควรจะวางเนฟไว้ตรงไหน ระหว่างเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ หรือเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่สี่ จักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงมีชาติกำเนิดเป็นชาวปรากและเป็นพระราชอาคันตุกะของพระองค์

นอกจากนี้ยังมีกษัตริย์เวนเชสลอสแห่งเยอรมนี พระราชโอรสขององค์จักรพรรดิก็ทรงร่วมในงานด้วย ผลสุดท้ายเลยจัดโต๊ะ โดยมีเนฟขนาดใหญ่สามใบสำหรับกษัตริย์แต่ละพระองค์

กระปุกเกลือที่วิจิตรบรรจงในรูปแบบต่างๆ ไม่เฉพาะรูปเรือเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เมื่อ ค.ศ.1415 ดุ๊กแห่งแบรี ผู้อุปถัมภ์งานศิลปะที่มีชื่อเสียงได้รับกระปุกเกลือจากช่างชื่อ ปอล เดอ ลัมบูร์ก เพิ่มเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเนฟที่สะสมไว้

เป็นกระปุกเกลือที่ทำจากหินโมรา ฝาปิดทำด้วยทองคำ และที่จับเป็นแซฟไฟร์ประดับด้วยมุกสี่เม็ด

นี่เป็นเพียงไตเติ้ล เรื่องราวเกี่ยวกับเกลือที่มาร์ก เคอร์ลันสกี หยิบมาเล่าสอดแทรกไปกับประวัติศาสตร์โลก

เสียดายที่พื้นที่มีไม่มาก พอที่จะนำเสนอเรื่องน่าสนใจมากมายเหล่านี้ได้หมด

เอาเป็นว่า ใครที่ยังใคร่รู้ เรืองชัย รักศรีอักษร นำเรื่องราวทั้งหมดมาแปลเป็นภาษาไทยไว้ให้อ่านกันสนุกๆ เพลินๆ แต่ได้สาระเต็มเปี่ยมในหนังสือชุด World History

Credit : มติชนรายวัน 21 ตุลาคม 2551 หน้า 20
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra01211051&sectionid=0131&day=2008-10-21

ประโยชน์ของ เกลือสครับ ขัดผิว Tangsalt

        เกลือสครับ ของแบรนด์ “Tangsalt” เป็นสครับผิวที่มีเนื้อละเอียดมาก เนื้อเกลือมีความสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี หากขัดผิวด้วยสครับเกลือสปา สามารถช่วยล้างพิษที่ผิวหนัง ตามศาสตร์โบราณ ท่านว่าผิวหนังนั้น เปรียบเสมือนไตชิ้นที่ 3 ไว้ระบายพิษที่สะสมในรูปแบบของเหงื่อ ถ้าผิวหนังปิดไม่สามารถระบายออกได้ หรือเหงื่อไม่ออก พิษย่อมเข้าไปสะสมในโลหิต ผลคือผิวพรรณไม่ใสสามารถกลายเป็นภูมิแพ้ได้ เหตุเพราะแพ้เลือด

ล้างพิษแบบง่ายๆ ด้วยสครับเกลือสครับขัดผิว       การขัดผิวช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วในส่วนต่างๆของร่างกายให้หลุดออก แล้วเผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้น เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่ม อีกทั้งเกลือสครับขัดผิว ยังช่วยขจัดไขมัน และสิ่งสกปรกที่อยู่ตามผิวให้หลุดออกอีกด้วย


วิธีการสครับผิวด้วยเกลือสครับ
  1. ใช้น้ำราดทั่วตัว หรือบริเวณที่ต้องการสครับ
  2. ใช้เกลือสครับถูเบาๆให้ทั่ว ในลักษณะไปมา หรือวนเป็นวงกลม ค่อยๆขัดไปทีละส่วน
  3. สครับประมาณ 3-5 นาที หรือจนกว่าเกลือจะละลาย 
  4. เมื่อสครับเรียบร้อยแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยไม่ต้องใช้สบู่ และเช็ดให้แห้ง
**ข้อควรทราบ** หากเหงื่อออกไม่ต้องตกใจ เพราะนั่นเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างผิวกับเกลือ พิษต่างๆ และสิ่งสกปรกที่ขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความโดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.tangsalt.com
วันที่ 10 มีนาคม 2560